การสร้างบ้านในไทยนิยมใช้ไม้เป็นวัสดุหลัก
เนื่องจากป่าไม้มีความอุดมสมบูรณ์และราคาถูก บ้านไม้ต้องใช้ช่างไม้ฝีมือดีที่สืบทอดความชำนาญรุ่นต่อรุ่น เมื่อป่าไม้ลดลง วัสดุประเภทอิฐและคอนกรีตเสริมเหล็กได้รับความนิยมมากขึ้น การสร้างบ้านเริ่มต้องอาศัยวิศวกรและสถาปนิกอย่างเป็นระบบ การก่อสร้างเริ่มเน้นมาตรฐานและความแข็งแรง
ธุรกิจรับสร้างบ้านเริ่มต้นในไทย
บริษัท ซีคอน จำกัด เป็นผู้ริเริ่มธุรกิจรับสร้างบ้านรายแรกจนเป็นที่รู้จักของผู้บริโภค และในเวลาต่อมาได้มีผู้ประกอบการรายใหม่เข้าสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง อาทิ บริษัท โฟร์พัฒนา จำกัด, บริษัท รอยัลเฮ้าส์ จำกัด, บริษัท แลนดี้ โฮม (ประเทศไทย) จำกัด เป็นต้น
วิกฤตเศรษฐกิจส่งผลกระทบอย่างรุนแรง
หลายบริษัทต้องเลิกกิจการและหายไปจากธุรกิจรับสร้างบ้านมากกว่า 100 ราย เหลือเพียงบริษัทที่สามารถยืนหยัดอยู่ได้ประมาณ 30 กว่าบริษัทอย่างไรก็ดี วิกฤตในครั้งนั้นส่วนหนึ่งก็ส่งผลดี สำหรับผู้ประกอบการที่ยังคงสามารถต่อสู้ยืนหยัดกับสภาพเศรษฐกิจอยู่ได้ และแปรมาเป็น “โอกาส” ในเวลาต่อมา ด้วยการสร้างชื่อเสียง สร้างความเชื่อมั่นขององค์กรและธุรกิจรับสร้างบ้านจนเป็นที่ยอมรับของผู้บริโภค
เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว ธุรกิจรับสร้างบ้านกลับมาคึกคักอีกครั้ง
มีผู้ประกอบการใหม่เข้ามากว่า 150 ราย การแข่งขันในตลาดเพิ่มสูงขึ้น แต่ผู้ประกอบการบางรายขาดคุณสมบัติด้านวิศวกรและสถาปัตยกรรม ส่งผลเสียต่อภาพรวมของธุรกิจ
จากบทเรียนวิกฤตเศรษฐกิจ กลุ่มผู้ประกอบการรับสร้างบ้านชั้นนำ
ได้ร่วมมือกันจัดตั้ง สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน (Home Builder Association) เพื่อพัฒนามาตรฐานของธุรกิจ สร้างความน่าเชื่อถือ วางเป้าหมายในการขยายธุรกิจทั่วประเทศ พร้อมหาพันธมิตรในการสร้างการเติบโตของภาพรวมธุรกิจรับสร้างบ้านให้ขยายออกไปในวงกว้างหรือทั่วประเทศ